
6 เคล็ดลับที่ทําให้ลูกเป็นเด็กดี มีความสุข
เล่าเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 63
โดยกิตติมา สุริยกานต์
แน่นอนว่าหากเรามีลูก สิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองคาดหวังก็คือ อยากให้ลูกเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย แต่หากพบว่าลูกดื้อ ไม่ยอมเชื่อฟัง ก็สร้างความทุกข์ใจให้พ่อแม่ไม่ใช่น้อย มีข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่ฮาร์วาร์ดได้เผยว่าการเลี้ยงลูกที่ให้ความใกล้ชิดจะส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กในอนาคตอย่างแน่นอน และได้ให้เทคนิคในการเลี้ยงลูก 6 วิธีดังนี้คือ
- สอนลูกให้รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง
อารมณ์โกรธ เศร้า หรือผิดหวัง ไม่ได้เกิดขึ้นได้กับผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่เด็กก็มีอารมณ์เหล่านี้ที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจได้เช่นกัน  สิ่งสําคัญคือ เมื่อลูกมีอารมณ์ในแง่ลบเกิดขึ้น พ่อแม่ควรจะสอนวิธีจัดการอารมณ์แง่ลบให้ได้  ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนําว่าเมื่อไหร่ที่ลูกโมโห ควรให้เวลากับลูกเพื่อให้เขารู้สึกใจเย็นลง และเข้าไปพูดคุย สอนให้ลูกลองใช้เทคนิคการหายใจเข้าทางจมูก ผ่อนลมหายใจออกทางปาก พร้อมกับพยายามนับ 1-5 ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นลูกมีอารมณ์หงุดหงิด โมโห ร้องไห้ ให้ใช้วิธีกําหนดลมหายใจตามที่คุณสอน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยที่ใช้จัดการกับอารมณ์ร้ายลงได้เป็นอย่างดีเชียวละ - สอนลูกให้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทํา
ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนําว่าพ่อแม่ควรบอกลูกให้เข้าใจว่า อะไรคือความรับผิดชอบที่ดี และมันจะส่งผลต่อตัวลูกและสังคมรอบข้างอย่างไรบ้าง แต่สิ่งสําคัญที่สุดก็คือ พ่อแม่ควรทําตัวเป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกเห็น สอนให้ลูกมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ทําลงไป เช่น เมื่อกินขนมเสร็จก็ต้องนําไปทิ้งให้ถูกที่ และอย่าลืมว่าการสอนลูกในแต่ละเรื่อง ควรจะอธิบายลูกอย่างใจเย็น ๆ - สอนลูกให้รู้จักสงสารและช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า
เป็นเรื่องสําคัญมาก ๆ ที่จะสอนให้เด็กรู้จักที่จะสงสารคนอื่น ไม่ใช่แต่เพียงคนที่เขารักเท่านั้น ลองให้ลูกได้จินตนาการดูว่า ถ้าตัวเองได้เป็นคนที่ด้อยค่าไม่มีใครสนใจ ลูกจะรู้สึกอย่างไร การใช้วิธีนี้จะช่วยทําให้ลูกเห็นภาพได้ชัดขึ้น และเข้าใจในความรู้สึกนั้น รวมถึงการให้ลูกได้มองเห็นในมุมอื่น ๆ ด้วย เช่น คนพิการ คนไร้บ้าน ฯลฯ การได้ชวนลูกคุยและสอนในเรื่องนี้ตั้งแต่เล็ก จะทําให้ลูกรู้จักแสดงความ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นในสังคม รู้จักการแบ่งปัน และไม่รังแกคนที่ด้อยกว่า - สอนให้ลูกรู้จักกล่าวคําขอบคุณหรือแสดงออกถึงความซาบซึ้ง
การแสดงออกถึงความซาบซึ้งใจต่อสิ่งที่คนอื่นทําให้เด็กนั้น เป็นสิ่งที่จําเป็นต่อการดํารงชีวิตในสังคมอย่างมาก เช่น เมื่อคุณยายทําขนมมาให้ บอกลูกรู้จักเอ่ยคําว่า ขอบคุณ หรือเข้าไปกอด แสดงออกมาด้วยความชื่นชมต่อสิ่งที่คนอื่นทําให้ มีงานวิจัยเผยว่า คนที่แสดงออกถึงความชื่นชม ซาบซึ้งต่อผู้อื่น จะเป็นคนที่มีความสุขมีสุขภาพที่ดีกว่าคนอื่นที่ไม่เคยทําหรือคนไม่คิดจะยอมก้มหัวให้ใครเลย - สอนให้ลูกรู้สึกถึงพฤติกรรมที่เหมาะสมที่เคารพต่อผู้อื่น
พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะคาดหวังว่าทางโรงเรียนจะสอนเรื่องหล่านี้ให้กับเด็ก ๆ จนลืมคิดไปว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างอื่นก็สามารถส่งผลต่อพฤติกรรมที่เหมาะสมของลูกได้เช่นกัน และเป็นสิ่งสําคัญมากที่จะต้องสอนลูกให้เข้าใจ ไม่ว่าจะเรื่องการรักษาสัญญา รู้จักที่เคารพผู้อื่น พ่อแม่ควรจะคุยเรื่องนี้กับลูกในเรื่องนี้ว่า การมีพฤติกรรรมที่เหมาะสมควรทําตัวอย่างไร และอย่าลืมด้วยว่าตัวอย่างที่ดีของลูกก็คือพ่อแม่นั่นเอง - ใช้เวลาคุณภาพด้วยกัน
ถ้าพ่อแม่ใช้เวลาหมดไปกับการพรํ่าสอนลูกเพียงอย่างเดียวมันก็คงไม่เป็นผลดี การใช้เวลาได้อย่างมีคุณภาพ คือ การที่พ่อแม่ได้มีช่วงเวลาดี ๆให้กับลูก กิจกรรมร่วมกัน ได้พูดคุยกัน พาลูก ออกไปท่องเที่ยว ให้เวลาเหล่านี้กับลูกอย่างสมํ่าเสมอ และสิ่งสําคัญที่สุดก็คือ ทําให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน หากพ่อแม่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกมากพอ ก็ย่อมทำให้เด็กเติบโตมาพร้อมกับความรักและความอบอุ่น ทําให้เขารู้จักที่จะรักหรือเคารพ และมีจิตใจที่ดีต่อการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนรอบข้างด้วย การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมที่ดีควรปลูกฝังตั้งแต่ยังเล็ก หากเด็กได้รับคําสั่งสอนที่ดี และได้รับ ความรักความอบอุ่นจากครอบครัวมากพอ ก็จะส่งผลให้เด็กเป็นเด็กดี มีความสุข สามารถปรับตัวได้ดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวและสังคม และประสบความสําเร็จในชีวิต